ชัยขนะในการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 44 ของนายบารัก โอบามา ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551 นอกจากจะมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การทำลายการเหยียดผิวสีของคนอเมริกัน เพราะนอกจากนายโอบามานับได้ว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯคนผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์แล้ว นายโอบามายังถือได้ว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯที่อายุน้อยคนหนึ่งที่สามารถก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ แล้วนายโอบามามีอะไรดี
หากดูตามประวัติแล้วนายโอบามา เกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2504 เป็นหนุ่มลูกครึ่งอเมริกันกับเคนยา ที่มลรัฐฮาวาย ปัจจุบันอายุ 47 และดูเหมือนว่าเขาจะเกิดมาเพื่อสร้างประวัติศาสตร์สหรัฐฯโดยแท้ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเลข "4" ซึ่งเป็นวันชาติของสหรัฐแม้นว่าเขาจะเกิดเดือนสิงหาคม แต่วันชาติสหรัฐฯเดือนกรกฎาคม แต่พ.ศ.เกิดของเขาก็เกี่ยวข้องกับเลข "4"
ดูตามประวัติแล้วนายโอบามาก็ไม่ได้เป็นคนวิเศษวิโสอะไรชีวิตวัยเด็กก็ค่อนข้างลำบากด้วยซ้ำ บิดาเสียชีวิตเมื่อเขาอายุได้ 21 ปีต่อมาอีก 13 ปี มารดาก็เสียชีวิตอีก แต่เขาใฝ่เรียนจนสามารถเรียนจบระดับปริญญาตรี จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่มีชื่อเสียง ต่อจากนั้นเขาก็ทำงานเหมือนกับคนธรรมดาทั่วๆไป และเขาเริ่มงานสอนหนังสือวิชากฎหมายรัฐธรรมนูญที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยชิคาโกจนถึงปี 2004 นี่ก็เกี่ยวข้องกับเลข "4" อีกแล้ว
ในปี 2004 นี้เองเป็นปีที่ชื่อของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงการเมืองของสหรัฐฯ จากการได้รับเลือกเป็นตัวแทนวุฒิสมาชิกในสภาสูงจากรัฐอิลลินอยส์และเขาได้ร่วมกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมพรรคเดโมแครตประจำปี ซึ่งสุนทรพจน์ของเขาในครั้งนั้นโดนใจชาวเดโมแครตหลายคน รวมทั้ง สื่อมวลชนด้วย
เรียกได้ว่าเขาเป็นนักการเมือง หนุ่มหน้าใหม่ที่มาแรงในยุคนี้ ด้วยประวัติทาง การเมืองยังค่อนข้างใสสะอาด ยังไม่มีผลงาน ที่ติดลบ เพราะยังมีผลงานไม่มากนัก แต่ด้วย ความที่เป็นคนที่มีวาทศิลป์ยอดเยี่ยม ผนวกกับมาดปัญญาชน สุขุม ลุ่มลึก และติดดินอยู่ในที สามารถเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่นักการเมืองผู้หนาประสบการณ์ พนักงานบริษัทไปจนถึงเกษตรกร อีกทั้งสตรี เด็ก และคนชรา
และเมื่อวันที่ เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552 นายโอบามาสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 44 ของสหรัฐ ด้วยวัย 47 ปี พร้อมกับประกาศจะเปลี่ยนแปลงโลก แก้ปัญหาเศรษฐกิจยุติปัญหาสงครามโลก อย่างภาคภูมิ กลายเป็นผู้นำผิวสีคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ ท่ามกลางความยินดีของชาวอเมริกันและชาวโลกที่ต่างจับจ้องการเข้ารับตำแหน่งครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้น
วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น