วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2551 ได้มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ของประเทศไทย ด้วยวัยเพียง 44 ปี และก้าวมาสู่ถนนการเมืองเพียง 16 ปีเท่านั้น
จะด้วยเหตุผลหรือคุณสมบัติใดก็ตาม เหตุผลหนึ่งที่ทำให้นายอภิสิทธิ์ก้าวมาสู่จุดนี้ได้นั้นก็ถือระบบพรรคของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีความรู้ความสามารถ แม้นจะไม่มีเงินมากเป็นแสนๆๆล้านบาทก็เป็นได้
ดูอย่างนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นลูกแม่ค้าจนๆๆคนหนึ่งในตัวเมืองตรัง ตอนเรียนหนังสือก็อาศรัยข้าวก้นบาตร แต่เพราะมีความมุ่งมั่นที่จะเดินบนถนนการเมืองที่เรียกว่า อาชีพนักการเมือง ไม่ใช่ธนกิจการเมือง ก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ แต่เมื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองแล้วจะสามารถบริหารประเทศได้ดีเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆๆด้านเช่นเดียวกัน
เมื่อเห็นนายอภิสิทธิ์ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองด้วยวัยเพียง 44 ปี คงจะทำให้เพื่อนนักการเมืองร่วมวัยหลายคนคงอดที่จะอิจฉาไม่ได้ คงจะนึกในใจว่า “เมื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้มีหรือเราจะเป็นไม่ได้” คนหนึ่งเห็นจะเป็นนายเนวิน ชิดชอบ เพราะเคยได้ยินนายชัย ชิดชอบ บิดาพูดทีเล่นทีจริงเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา
และอีกคนหนึ่งเห็นจะเป็นนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เพราะนายจาตุรนต์ก็มีวัยเดียวกันกับนายอภิสิทธิ์ก้าวเข้ามาสู่ถนนการเมืองก็ใกล้เคียงกัน มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการบริหารงานในตำแหน่งรัฐมนตรีก็คล้ายๆกัน โดยเฉพาะด้านการเมืองการคลังและงานท้องถิ่น เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเหมือนกัน
เมื่อทั้งสองคนนี้เจริญรุ่งเรืองบนถนนการเมืองเหมือนๆๆกัน สมัยหนึ่งเข้าใจว่าในช่วงที่นายจาตุรนต์เป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ ที่มีพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรค ถึงขึ้นมีการประชันกันว่าระหว่างนายอภิสิทธิ์กับนายจาตุรนต์ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนกัน แต่วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2551 เป็นตัวตัดสินว่านายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีก่อนนายจาตุรนต์
หากจะพูดถึงฐานการเมืองของนายจาตุรนต์ระดับพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทราแล้วถือว่าแน่นปรึก เพราะมีพ่ออนันต์ ฉายแสง ได้สร้างฐานมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันนี้พี่น้องก็ครองพื้นที่ทั้งระดับ อบจ. และ ส.ส.ฉะเชิงเทราเขต 1 และเขต 4 ช่วงที่ผ่านมาก็ได้มอบหมายให้น้องชายเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เหตุเพราะตัวเองถูกสิทธิ์ทางการเมืองเมื่อพรรคไทยรักไทยโดนยุบ
เมื่อนายจาตุรนต์มีฐานเสียงในพื้นที่ดีเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องอยากที่นายจาตุรนต์จะเจริญเติบโตบนถนนการเมือง แต่ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้นายจาตุรนต์ไม่ถึงฝั่งฝันนั้นคงจะเป็นระบบพรรคการเมืองที่นายจาตุรนต์เข้าไปสังกัดที่มีลักษณะเฉพาะกิจยึดติดกับตัวบุคคลหรือหัวหน้าพรรค เมื่อหัวหน้าพรรคล้มสะลายพรรคนั้นก็สะลายตามไปด้วย
หากนายจาตุรนต์ยังฝันที่จะถึงฝั่งเช่นเดียวกับนายอภิสิทธิ์คงต้องกลับมาทบทวนกระบวนทัศน์ของตัวเองว่าจะก้าวเข้ามาสู่ถนนการเมืองอีก 5 ปีข้างหน้าอย่างไรถึงจะประสบผลสำเร็จ จะยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองหรือจะอาศรัยคนอื่นเขายืน มากกว่าจะมานั่งท่องรักประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ เพราะนานๆๆไปเสียงนั้นก็จะไม่มีความหมายไม่มีใครฟัง
ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าระหว่างนายเนวินกับนายจาตุรนต์ใครจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนกัน เชื่อว่า”คุณทำได้ถ้ากลับตัวกลับใจ” เพราะคนไทยให้โอกาสกับคนกลับตัวกลับใจเสมอ เพราะได้ถือคติของหลวงพ่อพุทธทาสที่ว่า
“เขามีส่วนเลวบ้างชั่งหัวเขา จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย”
และคนไทยไม่เคยข้ามคนที่ล้มพร้อมที่จะจูงเขายืนหนึ่ง หากคนที่ล้มนั้นเป็นคนดีหรือคนชั่วที่สำนึกผิดแล้ว แต่ถ้ายังไม่สำนึกก็มีแต่กระทืบให้จมดินเท่านั้น เพราะมีชีวิตอยู่ก็รั้งแต่จะหนักแผ่นดิน และอย่าอ้างว่าเนรคุณ เพราะก็การเนรคุณคนชั่วหรือไม่คบคนชั่วพระท่านก็ยังสอบว่าเป็นมงคลเป็นหนทางแห่งความเจริญ เป็นบุญอีกต่างหาก และการที่คนอ้างเช่นนี้เขาเรียกว่าทำดีหวังตอบแทนทำดีหวังผลประโยชน์ แล้วมันจะได้บุญได้อย่างใดหากจะได้ก็ได้น้อยนะ
มหาเนชั่น
http://www.mhanation.net/
รายงาน
วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2551
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น