วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

คุณชาย....กระ(...)ช่วยทำความดีให้ผมดูหน่อยผมไม่รู้ทำดีอย่างไรจริงๆๆๆ

คุณชาย.... ครับผมเป็นคนมีปัญญาน้อย มีความรู้ก็ไม่สูงจบเพียงแค่ปริญญาตรีแม้นจะเป็นปริญญาตรีจากมหาวิทยลัยทั้งๆที่ในช่วงที่ผมเรียนอยู่จะยังไม่มีการรับรอง มีการกล่าวขานกันว่าเป็น "มหาวิทยลัยเถื่อน" เรียนจบไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะมีที่ไหนเขารับเข้าทำงาน เพราะเป็นมหาวิทยาลัยสำหรับคนด้อยโอกาสทางการศึกษา

ดังนั้น จึงทำให้ผมไม่ค่อยฉลาดเท่าใดนัก เลยไม่ค่อยรู้ว่าการทำความดีนั้นเขาทำกันอย่างไร แต่การที่คุณชายมาบอกให้ผมทำความดีจึงไม่รู้ว่าทำอย่างไร กรุณาทำความดีให้ผมดูหน่อยก็แล้วกัน

อาจจะมีคนแย้งผมว่าเรียนจบถึงปริญญาตรีเป็นถึงมีคำว่า "มหา" นำหน้ายังไม่รู้อีกหรือ แบบนี้เอาคำว่า "หมา" นำหน้าไม่ดีกว่าหรือ ครับเอานำก็ได้แต่ "หมา" ตัวนี้เป็น "หมาเฝ้าบ้าน" รู้จักบุญคุณแกงร้อนที่ชาวบ้านเขาเลี้ยงมา "หมา" ตัวนี้จะไม่มีวันทรยศกับผู้มีพระคุณและแผ่นดินที่มันเกิดเป็นเด็ดนขาด เพราะ "หมา" ตัวนี้มันมีความภูมิใจว่า "มันไม่ได้เป็นสุนัขรับใช้" หรือไม่เป็นค่าความคิดของใคร

จะให้มีปัญญามากเหมือนคนบ้างคนได้อย่างไรครับ ที่มีปัญญามากถึงขนาดโกงดูดเงินแผ่นดินเป็นแสนๆล้านบาท ขายหุ้นเป็นหมื่นๆๆล้านก็ความฉลาดเลี่ยงจ่ายภาษีได้เก่งจริงๆๆๆ ก็ยังไม่มีคนรู้ว่านั้นคือความชั่วหรือเป็นคนโกง ยังมีการยกย่องว่าเป็นคนดีของสังคม เป็นคนดีของคนรากหญ้า เพราะรากหญ้าขอโทษนะครับส่วนใหญ่จะกินหญ้าไม่ได้เจตนาจะดูถูกคนจริงๆๆแบบต้องการจะสะท้อนให้มันชัดๆๆๆไปเลย

จะให้ผมมีปัญญามากได้อย่างไรครับ เพราะผมเกิดมาผมไม่รู้ว่าจะได้เรียนหนังสือให้เป็นคนฉลาดรู้กลโกงของคนได้อย่างไร เนื่องจากผมเป็นลูกคนจนมีครอบครัวที่แตกแยกตั้งแต่เล็ก แม่เป็นโรคเลือดพ่อต้องพาเข้ากรุงเทพฯเข้ามารักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาทั้งแต่ผมยังไม่ได้เรียนหนังสือ พ่อเองก็ชอบดื่มสุรา


ต้องอยู่กับญาติได้กินบ้างไม่ได้กินบ้างต้องทำงานอย่างหนักตั้งแต่เล็กถึงจะได้กิน แล้วจะเอาอาหารที่ไหนไปเลี้ยงสมองให้ฉลาด (แต่ไม่โกง) พร้อมกันนี้ยังต้องดูแลน้องอีกถึงสองคน แบบนี้จะเอาปัญญามาจากไหนรู้ว่าการทำความดีเป็นอย่างไร ไม่เป็นโจรโกงชาติขายยาเสพติดก็เป็นบุญแล้ว เมื่อสภาพของพ่อและแม่เป็นแบบนี้พ่อจึงแยกผมและน้องๆๆให้ไปอยู่กับญาติคนนั้นบ้างคนนี้บ้าง

ลืมบอกไปว่าผมเองนั้นเป็นลูกครึ่งครับ พ่อเป็นคนอีสานหรือชาวส่วยเมืองศรีษะเกษ (ดีนะที่ไม่ได้มาจากแผ่นดินใหญ่แต่ยังไม่รู้บุญคุณ) ส่วนแม่นั้นเป็นคนแกวหรือลาวพวนเกิดที่จังหวัดพิจิตร อ.บางมูลนาก ใกล้กับอ.ดงเจริญ บ้านของพล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ แต่ถึงกระนั้นผมมีความภูมิใจที่เป็นเป็นคนอีสานและสามารถพูดลาวได้ ผมรำลึกถึงบุญคุณแผ่นดินเกิดไม่เสมอ สามารถที่จะช่วยเหลือสังคมได้บ้างก็จะแม้นว่าจะมีเบี้ยน้อยหอยน้อยปัญญาน้อยนิดก็ตาม ก็จะพยามยามทำถ้ามีโอกาส ผมไม่เคยคิดที่จะเนรคุณแผ่นดินเพราะคนในแผ่นดินนี้เลี้ยงผมมา ข้าวชาวบ้านคนละทัพพี ให้เติญใหญ่มา แต่ทัพพีอันนี้ก็พอรู้รสแกงอยู่บ้าง


แต่นั้นหละคนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ แต่ถึงกระนั้นก็ต้องมีคนแนะนำช่วยเหลือชักจูงให้ผมขึ้นมาจากขุมนรกไม่เป็นโจร ได้เรียนหนังสือจากโรงเรียนวัด ผมก็ตั้งใจเรียน เพราะผมได้ยึดคำที่พ่อสอนแต่เป็นคำสอนที่มีค่าที่ว่า "พ่อไม่มีเงินไม่มีไรนาอย่างได้อะไรก็เรียนเอา" และพ่อผมสอนไม่ให้เป็นคนเป็นแก่เงินเห็นแก่ได้ พ่อสอนไม่มากหรอกครับ แม้นพ่อผมไม่ใช่เป็นคนร่ำรวยเป็นแสนๆๆล้าน และมีความผิดพลาดทางครอบครัวบ้างแต่ผมก็ภูมิใจในตัวพ่อและในคำสอนของท่าน

ผมตั้งเรียนตามคำสอนของพ่อเมื่อจบป.4 ผมก็เรียนโรงเรียนวัดสอบเทียบบ้าง มีความรู้อะไรใหม่ๆๆ ผมสนใจศึกษา ผมมีคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ปี 2527 ตั้งแต่คอมพิวเตอร์เข้ามาใหม่ ผมเรียนโปรแกรมต่างๆๆด้วยเงินของผมเอง ไม่ได้ขายตัวหรือหัวใจเพื่อมาซื้อสิ่งของเหล่านี้หรือโกงใครเพื่อได้เงินมาซื้อ จนกระทั้งผมสอบเทียบ ม.6 ได้ที่โรงเรียนโยธินบูรณะ ที่พวกสภาห้าร้อยกำลังยึดพื้นที่สร้างสภาใหม่ เพื่อสนองตัณหาคนบ้างคนหรือหลายคน แล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยเถื่อนที่เป็นช่องทางเดียวที่จะเข้าเรียนระบบมหาวิทยาลัยได้

ในที่สุดเด็กบ้านนอกคนหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าอนาคตเองจะเป็นอย่างไรก็สามารถเรียนจบระดับปริญญาตรีกับเขาเหมือนกันนั้นมันเป็นความภูมิใจนะ และเอกที่ผมจบคือปรัญชาเรียนแนวความคิดของคนเกียรตินิยมอันดับ 2 เด็กเรียนนะ (นึกถึงตรงในน้ำตาใส่นะ)

เมื่อเรียนจบแล้วก็ใช่ว่าจะหางานทำให้ง่ายๆๆทำทั้งเซเว่นตำแหน่งผู้จัดจัดการร้านทำถูกอย่างแม้นแต่ถูกพื้น เป็นบัสบอยโรงแรมเอเซีย 20 วันแต่ได้ความรู้ในการเทรนคน ได้ความรู้ในการเข้าสังคม

และแล้วผมก็เข้ามาทำงานปัจจุบันเงินเดือนที่ผมได้เมื่อเข้างานครั้งแรกหลักพันบาท แม้นไม่มากผมก็มีความภูมิใจและรู้จักคำว่า "พอ" ตั้งแต่ทำงานมาผมไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินจะได้ขึ้นหรือไม่ได้ขึ้นประจำปีก็ตาม เพราะผมเปรียบเทียบว่าจะมีใครสักกี่คนที่ได้ทำงานอย่างนี้และมีเงินเดือนอย่างนี้

จนสามารถซื้อบ้านเลี้ยงดูครอบครัวแบบ "พอเพียง" ดูแลลูกให้เป็นดอกไม้ที่งดงามสร้างความภูมิใจและเป็นกำลังใจเสมอแม้นงานจะหนักยุควิกฤติเศรษฐกิจ แต่ผมก็นึกถึงบุญคุณที่ทำงาน เพราะเนื้อหนังของผม ลูกและภรรยา ก็มาจากที่ทำงานทั้งนั้น ถ้าไม่มีสถานที่ทำงานแห่งนี้ก็คงจะไม่มีสภาพอยู่อย่างปัจจุบันนี้ เท่านี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ

พร้อมกันนี้ค่าหยาดเหงือแรงงานที่ผมทำงานนั้น ผมยังได้จ่ายภาษีบำรุงแผ่นดินและจ่ายเป็นเงินประกันสังคมอีกรวมแล้วเกือบสองพันบาทต่อเดือน แม้นว่าผมจะไม่ค่อยได้รับสวัสดิการจากรัฐเท่าใดหนัก แต่เมื่อคิดว่าเป็นการทำบุญใช้หนี้แผ่นดินเท่านี้ก็มีความสุข ส่วนคนมีอำนาจนำภาษีไปใช้แม้นจะเข้ากระเป๋าบ้างก็ไม่ไปคำนึงตรงนั้นแต่อย่าให้จับได้ถือว่าเป็นการให้ทานก็แล้วกัน ท้งๆที่ความจริงแล้วไม่ค่อยอยากจ่ายเท่าใดหนักก็ตาม

ผมจะผิดศีลข้อแรกน้อยมากถ้าไม่จำเป็นแม้นแต่ยูง หนู เพราะผมไม่ชอบเอาเปรียบหรือรังแกใคร

เมื่อผมรู้จักคำว่า "พอ" ผมจึงไม่ผิดศีลข้อสอง ผมไม่ผิดจรรยาบรรณหรือเป็นสุนัขรับใช้เพราะต้องการได้มาซึ่งเงิน และเครื่องอำนวจความสะดวกต่างๆๆ ที่นักการเมืองหยิบยื่นให้

ผมไม่ผิดศีลข้อ 3 กับภรรยาไม่มีอนุหนึ่งสองสาม แม้นบ้างครั้งเราจะแยกกันอยู่บ้างเพราะวิกฤติเศรษฐกิจน้ำมันแพงแต่ผมก็ไม่เคยนอกใจ

ผมไม่พูดเท็จหรือพูดจริงครึ่งเดียว ไม่เคยพูดเพื่อให้ตัวเองเด่งหรือหาเสียงหรือพูดเพื่อมัดใจคนที่สนับสนุนตัวเอง ผมจะไม่พูดคำหยาบถ้าไม่จำเป็นจริงๆๆ

ส่วนศีลข้อห้าที่ผ่านมาจะดื่มบ้างแต่ระยะหลังนี้เห็นความสำคัญของสุขภาพมากขึ้น

พูดง่ายๆๆผมไม่ได้ตัวเป็นสวะสังคม เอาเปรียบสังคม เป็นปัญหาสังคม หรือเป็นตัวสร้างปัญหาสังคม เมื่อผมมีบ้านผมก็ต้องเป็นสมาชิกหมู่บ้านผมเคยทำหน้าที่เป็นประธานหมู่บ้านนานกว่าสี่ปี พยายามแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในหมู่บ้านที่ร้อยพ่อพันแม่และเกิดจากปัญหาการเมือง

ด้วยความด้อยปัญญาและการศึกษาไม่สูงของผมจึงไม่รู้ว่าการทำความดีเป็นอย่างไรบ้าง ดังนั้นเห็นคุณชาย..กระ(...)ที่ชักชวนให้ผมทำความดี ก็ช่วยทำความดีให้ผมดูหน่อยก็แล้วกัน แค่บอกอย่างเดียวผมคงทำไม่ถูกหรือไม่ตรงได้ หรือบอกพี่เมียให้ทำให้ผมดูหน่อยเอาข้อเดียวคือรู้จักคำว่า "พอ" เท่านี้พอแล้วไม่ต้องมาก



มหาเนชั่น

http://www.mhanation.net/

รายงาน
วันเสาร์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2551

ไม่มีความคิดเห็น: