วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2551

พรรคร่วมแตกขั้วพร้อมกลุ่มเพื่อนเนวินหนุน”อภิสิทธิ์”นั่งนายกฯเป็นจริงหรือภาพลวงตาโก่งราคา

วันที่ 6 ธันวาคมนี้ มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเกิดขึ้นและเป็นที่น่าสนใจยิ่ง ทั้งๆที่วันนี้น่าจะเป็นวันที่ปลอดจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่มีการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง โดยพรรคร่วมรัฐบาลเดิมส่วนหนึ่งได้เปลี่ยนขั้วมาจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาล หลังจากศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้กรรมการบริหารพรรคทั้งสามพรรคต้องถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และส.ส.ทั้งสามพรรคนั้นต้องหาพรรคอยู่ใหม่ภายในหกสิบวัน และกลุ่มพันธมิตรประกาศยุติการชุมนุมหลังจากปิดสองสนามบิน
เมื่อเวลา19.00 น. วันที่ 6ธันวาคมนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาอดีตพรรคชาติไทย ว่าที่ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี ตัวแทนพรรคเพื่อแผ่นดิน นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ตัวแทนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา นางพรทิวา นาคาสัย ตัวแทนอดีตพรรคมัชฌิมาธิปไตย และนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ตัวแทนกลุ่มเพื่อนเนวิน ขาดเพียงตัวแทนพรรคประชาราช ได้ร่วมกันแถลงจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำ ที่ที่โรงแรมสุโขทัย เบื้องต้นสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุผลเพื่อแก้ความแตกแยกในสังคมไทยและแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันทางแกนนำพรรคเพื่อไทยที่มีสมาชิกพรรคพลังประชาชนเข้าไปสังกัดเป็นจำนวนมาก ก็ได้แถลงจัดตั้งรัฐบาลตอบโต้ทันที โดยมีนางอุไรวรรณ เทียนทอง แกนนำพรรคประชาราช และนายมั่น พัฒโนทัย แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินร่วมแถลงด้วย โดยนายวิทยา บูรณศิริ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า พร้อมจะตั้งรัฐบาล ขณะนี้เสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนบุคคลที่จะขึ้นเป็นนายกฯ ไม่จำเป็นต้องมาจากพรรคเพื่อไทย โดยเปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาลเดิม นำเสนอรายชื่อด้วย โดยจะหารือเรื่องนี้กันอีกครั้งในโอกาสต่อไป
จากคำกล่าวของนายวิทยาดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากเดิมเพราะก่อนหน้านี้ยังยืนยันบุคคลที่จะเป็นนายกฯนั้นต้องเป็นคนของพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 5 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาว ได้ลงเครื่องจากการบินไทยเที่ยวบินที่ทีจี 607 ฮ่องกง-สุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แม้นว่าจะมีรายงานข่าวระบุเดินทางมาเยี่ยมมารดาที่ป่วย
สิ่งที่เกิดขึ้นวันที่ 6 ธันวาคมนี้รวมถึงคำพูดยังคงเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น หามีความแน่นอนไม่ เพราะภาพของนักการเมืองย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งใหม่ ขณะเดียวกันยังมีนายหญิงใหญ่กลับมายืนคอยคุมบังเหียนอยู่อย่างนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนไปทางใดทางหนึ่งย่อมจะมีเหตุผลสนับสนุนได้ทั้งนั้นทั้งดำและขาว จากผิดเป็นถูกและจากถูกเป็นผิดได้ทั้งสิ้น ไม่มีสัจจะอะไรในหมู่นักเลือกตั้ง
ดังนั้น ต้องดูกันต่อไปว่าเขาจะเล่นละครกันต่อไป ถ้าเล่นดีก็คงมีคนปรบมือให้ ถ้าเล่นไม่ดีความตรึงเครียดทางการเมืองก็คงกลับมาอีก และคงมีคนเผาโลงละครอีก คงขึ้นอยู่กับนักการเมืองเองว่าจะทำให้สถาบันการเมืองมีค่าทางสังคมหรือไม่

มหาเนชั่น
http://www.mhanation.net/รายงาน

ไม่มีความคิดเห็น: