วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

หลวงพ่อใหญ่จิ๋วจากผบ.ทบ.-นายกฯสู่ร่มกาสาวพัตร

บวชเป็นที่เรียบเรียบร้อยพระพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือหลวงพ่อใหญ่จิ๋ว อดีตนายกรัฐมนตรี โดยได้ฉายาว่า อุตฺตมญาโณ แปลว่า ผู้มีความรู้อันสูงส่งหรือผู้มีญาณแห่งการปฏิบัติธรรมสูงสุด น.ของวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยมีพระอาจารย์ทอง สิริมงฺคโล เจ้าอาวาสวัดคอยดูแล

การบวชครั้งนี้มีเพียงบุตรชายและบุตรสาวเท่านั้นที่เดินทางไปร่วมพิธี ไม่มีนักการเมืองและผู้ติดตามแห่แหนเหมือนแต่ก่อน ให้นึกถึงคราวที่เจ้าชายสิทธัตถะออกบวชก็มีเพียงนายฉันนะเท่านั้นที่ตามเสด็จเมื่อถึงแม่น้ำอโนมาแล้วก็ให้นำเครื่องครองคฤหัตถ์กับวัง


สมกับผู้ต้องการออกบวชเพื่อพ้นจากวัฏฏสังสารโดยแท้ แม้นจะเป็นการบวชเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เพื่ออุทิศให้กับความขัดแย้งทางการเมืองและผู้บาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์สลายม็อบที่รัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมก็ตาม


ในประเด็นหลังนี้แม้นจะเป็นผู้มีส่วนหรือไม่มีส่วนในการสั่งสลายก็ตามที เมื่อมีคนตายเกิดขึ้นเท่ากับเป็นการผิดศีลข้อหนึ่งว่าด้วยการฆ่าสัตว์บาปก็เกิดขึ้นในจิตใจแล้ว เมื่อเป็นการชำระบาปหรือเพื่อเป็นการลดโทษนั้นก็การทำความดี ปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา คือศีล สมาธิ และปัญญา โดยเฉพาะข้อสมาธิ และปัญญานั้น หลวงพ่อใหญ่จิ๋วมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติให้เกิดขึ้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องแล้ว ที่จะชำระจิตใจของตนให้ผ่องใสได้ ผิดกับคนบ้างคนเมื่อทำกรรมชั่วแล้วยังไม่สำนึก

แม้นว่าหลวงพ่ออุตฺตมญาโณเมื่อบวชเสด็จแล้วออกรับบิณฑบาตโดยนั่งบนรถกอล์ฟเป็นระยะทางกว่า 200 เมตร จากหน้าโบสถ์ไปยังอาคาร 5 ชั้นที่ใช้เป็นที่จำวัด จากนั้นได้เข้าไปปฏิบัติธรรมในอาคารดังกล่าว ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดแต่อย่างใดที่หลวงพ่ออุตฺตมญาโณนั่งบนรถกอล์ฟออกรับบิณฑบาตเพราะไม่ต่างอะไรกับพระนั่งพายเรืองบิณฑบาต

นับได้ว่าเป็นข่าวดีอย่างยิ่งของผู้ที่ได้ทราบว่าพล.อ.ชวลิตบวชแล้ว และน่าจะอนุโมทนาบุญด้วย โดยเพราะอย่างยิ่ง หลวงพ่ออุตฺตมญาโณตั้งใจที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานด้วยแล้วยิ่งน่าอนุโมทนาใหญ่คงจะทำให้ท่านลดละอะไรหลายๆอย่างลงไปแล้วมาก เพราะคนไทยส่วนใหญมักจะคิดเพียงว่าให้ทาน รักษาศีล ก็น่าจะเพียงพอแล้วโดยละเลยการเจริญภาวนาไป

พร้อมกันนี้ก็เชื่อว่าการบวชของหลวงพ่ออุตฺตมญาโณครั้งนี้จะเป็นอนุสสติสำหรับคนบางคนได้ยึดเป็นแบบอย่าง เพราะกิเลสบางตัวโดยเฉพาะโมหะนั้นจะต้องใช้การปฏิบัติธรรมขั้นสูงถึงจะลดละได้ ถ้าลดละไม่ได้ก็เป็นเวรเป็นกรรมกันต่อไป


การบวชของพระพล.อ.ชวลิตครั้งนี้นับได้ว่าเป็นการบวชครั้งแรกในชีวิตแม้นว่าปัจจุบันจะเป็นไม้ใกล้ฝั่งย่าง 76 ปีแล้ว ก็นับได้ว่าบวชเป็นอุปนินัย เพราะที่ผ่านมานั้นชีวิตโลดโผนรับราชการทหารเป็นถึงระดับผู้บัญชาทหารบกได้รับฉายาว่าเป็น"ขงเบ้งแห่งกองทัพบก" เพราะได้แสดงโวหารอย่างเฉียบแต่จะคมหรือไม่ไม่แน่ใจ

หลังจากนั้นก็ก้าวเข้าสู่ถนนการเมืองเป็นหัวหน้าพรรคความหวังใหม่ เป็นส.ส.นครพนมหลายสมัย เป็นรมต.ก็หลายกระทรวง จนกระทั้งได้เป็นนายกรัฐมนตรีเจอวิกฤติเศรษฐกิจรับไม่ไหว้ต้องลดค่าเงินบาทเตะหมูเข้าปากหมาคนบ้างคน ในที่สุดก็ต้องลาออกปี

แต่ชีวิตยังไม่สิ้นสุดบนถนนการเมืองนำพรรคความหวังใหม่ไปควบรวมกับพรรคไทยรักไทยแต่ในที่สุดพรรคไทยรักไทยก็ถูกยุบ แต่ถึงกระนั้น ก็ยังคงกระพันดำรงตำแหน่งรองนายกฯหลายครั้งล่าสุดเข้ามาอีกครั้งก็เจอพิษสลายม็อบพันธมิตรวันที่ 7 ต.ค.มีคนเจ็บคนตายจึงได้ประกาศลาออกจากรองนายกฯ ขณะที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ขณะนี้

ดังนั้น การที่พระพล.อ.ชวลิตบวชครั้งนี้จึงมีคนตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการบวชล้างบาปหรือไม่ก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่าหลวงพ่อใหญ่จิ๋วจะบวชแบบไม่มีกำหนดสึก ก็ต้องขออนุโมทนาสาธุไว้ ณ โอกาสนี้ เผื่อปฏิบัติธรรมและได้ดวงตาเห็นธรรมในบั้นปลายของชีวิต



เมื่อเป็นเช่นนี้ก็นับชีวิตของท่านตรงกับคำพระที่ว่า สว่างมาแล้วก็สว่างไป คือเกิดในที่ดีพอตายไปก็ไปในที่ดีๆๆ ไม่เหมือนคนบางคนมืดมาแล้วก็มืดไป คือมาแล้วก็ทำแต่กรรมชั่วโกงบ้านโกงเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อมประเภทไม่ให้จับได้ คนในสังคมยังถูกสรรเสริญว่าเป็นคนดีคนรวยทั้งๆที่เงินนั้นก็ได้มาจากการโกง

ชีวิตแบบนี้ก็มืดไปอย่างแน่นอน พระท่านว่าอย่าได้ไปในที่สุขสบายคือสวรรค์นิพพาน ถึงใช้กรรมในนรก เปรด อสูรกาย หรือสัมภเวสี คือเร่ร่อนไม่มีทีอยู่ เอ้...........หรือยังไม่ตายก็เป็นสัมภเวสีแล้วหว้า............ขอยืมอิอิ





มหาเนชั่น

http://www.mhanation.net/

รายงาน
วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน 2551

ไม่มีความคิดเห็น: