วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ร.อ.จิทัศ ศรสงครามหลานยายผู้ปิดทองหลังพระเมรุ

พระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ นับได้ว่า งดงาม ทุกอย่างที่ดำเนินการไปด้วยความประณีต เป็นไปตามโบราณราชประเพณี มีความยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติ มีแบบแผน และสง่างาม เป็นการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยโดยแท้

องค์ประกอบของพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพนั้น พระเมรุถือได้ว่า สุดงดงาม อลังการ ดุจแดนสวรรค์ นาวาอากาศเอกอาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร สถาปนิกผู้ออกแบบ ได้แนวความคิดในการออกแบบพระเมรุไว้ว่า เป็นกุฎาคารจัตุรมุขย่อมุมไม้สิบสองทรงปราสาท ได้คำนึงถึงคติความเชื่อตามประเพณีโบราณที่ให้ความสำคัญและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ เปรียบเสมือนสมมุติเทวราช ตามระบอบเทวนิยม เมื่อสวรรคตหรือสิ้นพระชนม์นั้นหมายความว่าได้เสด็จกลับสู่สวรรคาลัย ณ เทวาลัยสถาน คือเขาพระสุเมรุ

การออกแบบพระเมรุจึงได้สื่อถึงคติทางพระพุทธศาสนาเรื่องไตรภูมิ อันหมายถึงภาพของจักรวาลที่มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางของภูมิทั้งสาม และรายล้อมด้วยเขาสัตตบริภัณฑ์ วิมานท้าวจตุโลกบาล เหล่าทวยเทพ ณ สวรรค์ชั้นฟ้า หรือสรรพสัตว์ต่าง ๆ ในป่าหิมพานต์ การสร้างพระเมรุและอาคารประกอบแวดล้อมอื่นๆ จึงได้จำลองให้คล้ายกับดินแดนเขาพระสุเมรุ (คมชัดลึก http://www.komchadluek.net/2008/11/17/x_scoo_p001_231520.php?news_id=231520)

ความงดงามของพระเมรุนั้นน้อยคนนักจะทราบว่า พระนัดดา (หลายยาย) ของสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวงได้มีส่วนในการวิจิตรด้วย จึงหาข้อมูลเพิ่มเต็ม

ตอนแรกไม่ทราบมาก่อนว่าสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวงทรงมีพระนัดดา (หลานยาย) จะทราบก็เมื่อวันพระราชทานเพลิงพระศพคราวที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสเรียกท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม ให้เข้ามาวางดอกไม้จันทน์ ซึ่งเมื่อวางเสร็จเรียบร้อย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสวมกอดพระนัดดา



พระนัดดาดังกล่าวนั้นคือ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม บุตรชาย ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม พระธิดาองค์เดียวในสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวง จึงได้ค้นข้อมูลจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุว่า ร.อ. จิทัศ ศรสงคราม สถาปนิกชาวไทยและนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เกิดวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2517 เป็นบุตรชายคนเดียวของ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม กับ นายสินธู ศรสงคราม อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงเบิร์น และเจ้าของ ตลาดบอง มาร์เช่ ในปัจจุบัน

ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม พระนัดดาของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องจาก ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ผู้เป็นมารดา เป็นพระธิดาองค์เดียวของ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม สำเร็จการศึกษาสาขาวิชาสถาปัตยกรรมศาสตร์จากต่างประเทศ ปัจจุบันเป็น กรรมการมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ล่าสุดเป็นผู้ออกแบบตกแต่งภายใน ร้านภูฟ้า สาขาบอง มาร์เช่

เมื่อพบว่า ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม เป็นผู้ออกแบบตกแต่งภายใน ร้านภูฟ้าจึงไม่แปลกใจเลยว่าความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบจะมีเพียงใด

ทั้งนี้ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม ได้กล่าวถึงการออกแบบร้านภูฟ้าว่า ใช้เวลาในการตกแต่งราว 1 เดือน ก่อนหน้าก็ไปดูสาขาต่างๆ ของร้าน ซึ่งเน้นการออกแบบอย่างเรียบง่าย สบายๆ ใช้โทนสีขาวเป็นหลัก รวมถึงใช้กระจกและกระจกเงา เพื่อให้พื้นที่ของร้าน 36 ตร.ม.ดูกว้างขึ้น

และต้องการพื้นที่ใช้สอยให้มากสุด เพราะเป็นสาขาที่มีพื้นที่น้อยกว่าสาขาอื่น และสิ่งหนึ่งที่สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงคำนึงและได้พระราชทานแนวทางด้วยคือ ไม่ต้องการให้มีเครื่องดื่มและของกินจำหน่าย เพื่อจะได้ไม่แย่งลูกค้าจากร้านค้าอื่น ภายในร้านภูฟ้าจึงมีแต่สินค้าประเภทเสื้อยืดกับเครื่องประดับและของใช้เป็นหลัก

ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม จบปริญญาโทด้านสถาปัตยกรรมผังเมืองจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แล้วเข้ารับราชการทหารสังกัดกองทัพบก ในสำนักงานโยธาธิการกลาโหม และในตอนนี้ทำงานเป็นสถาปนิก เปิดบริษัทชื่อ design plus studio จนออกที่เป็นที่รู้จักกันอย่างร้านภูฟ้า สาขาบองมาร์เช่นั้นเอง

"จริงๆ คนทำเองต้องรู้ด้วยว่า เราจะทำเราต้องรู้ว่าเราจะเซิร์ฟอะไร เซิร์ฟใคร ใช่คนที่ไปเดินพารากอนหรือเปล่า ? ถ้าคิดว่าทำมินิมอลล์ เพราะแค่เห็นว่าคนอื่นทำแล้วดี ก็ไม่แน่ว่าถ้าเราทำแล้วจะเวิร์กหรือเปล่า ต้องศึกษาตรงนั้นจริงๆ อย่างงานนี้ก่อนออกแบบเราก็คุยกันนะ ว่ามันจะเวิร์กหรือเปล่า มีทาร์เก็ตหรือเปล่า ซึ่งก็ต้องมองตรงนั้นด้วย การทำพลาซ่าไม่ใช่แค่สถาปัตย์สวยงามแล้วคนจะมา มันต้องมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ทั้งโลเกชั่น บรรยากาศ แล้วก็ตัวร้านที่มาอยู่เอง ว่าจะดึงลูกค้าหรือเปล่า" นี้ก็คำกล่าวของ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม ในการออกแบบร้าน มาร์เช่ 39

ผลงานที่เด่นชัดด้านการออกแแบบอีกประการหนึ่งของ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม คือ นิทรรศการ "แสงหนึ่งคือรุ้งงาม" เฉลิมพระเกียรติสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวง โอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา ครั้งแรกที่สยามพารากอนเมื่อวันที่ 4 พ.ค.2550 ต่อมามีการนำนิทรรศการ "แสงหนึ่งคือรุ้งงาม" ไปแสดงในภูมิภาคต่างๆ โดย ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม ได้วางรูปแบบนิทรรศการ และออกแบบพื้นที่ใช้สอย ให้นิทรรศการมีความร่วมสมัย สร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นกับผู้เข้าชม

หนึ่งในคณะทำงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นายชัญภัฏ จันทร์วิไล กรรมการผู้จัดการบริษัท จอมสุบรรณ บริษัทสถาปนิกที่เป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้าง อีกทั้งนั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท วาย อี เอส อีเวนโปร บริษัทที่ได้รับมอบหมายจัดงานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวง เปิดเผยเกี่ยวกับการเข้ามาทำงานร่วมงานกับพระนัดดาตั้งแต่ทำงานร่วมกันในงานสถาปนิก’49

“ครั้งแรกที่ได้ร่วมกันทำงานกับคุณจิทัศ ก็ในฐานะสถาปนิกเหมือนกัน ครั้งแรกไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่คุณจิทัศวางตัวดีมาก ไม่ถือตัว เรียบง่ายมาก ก็เลยคุยกันถูกคอ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นพระนัดดาของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อมาคุณจิทัศก็ชวนผมมาทำนิทรรศการแสงหนึ่งคือรุ้งงามเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ พระชนมายุครบ 84 ปี ระหว่างวันที่ 4-16 พ.ค. ปีที่แล้วที่สยามพารากอนนี้คือความรู้สึกของผู้เคยร่วมงานกับพระนัดดา ”

ด้วยเหตุนี้เอง ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการจัดสร้างพระเมรุเพิ่มเติมภายหลัง มีหน้าที่ในการดูแลออกแบบตกแต่งพระเมรุ

เพราะความเรียบง่าย สมถะ ไม่แสดงตนของ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม นี้เองจึงทำให้ไม่ค่อยปรากฏต่อสาธารณชนเท่าใดนัก ก็เช่นเดียวกันท่านผู้หญิงทัศนาวลัยมารดาที่ไม่เคยแสดงตัวว่าเป็นพระธิดาในสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวง ทั้งนี้เป็นเพราะ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม เจริญรอยตามพระจริยวัตรของสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวงที่เรียบง่ายนั้นเอง

ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม เคยเปิดเผยไว้ว่า "แม้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จะไม่ค่อยทรงแนะนำอะไร แต่ลูกหลานสามารถซึมซับความงดงามในพระจริยวัตรได้จากการดำเนินพระองค์ ทั้งเรื่องการเสวย ของใช้ส่วนพระองค์ ทรงกระทำทุกอย่างอย่างเรียบง่าย และสมถะ ไม่หวือหวาฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ท่านทรงเน้นย้ำกับครอบครัว คือ การวางตัวให้เหมาะสมถูกกาละเทศะ การตรงต่อเวลาอย่าทำให้ผู้อื่นคอย และความถูกต้องตามขั้นตอนพิธีการ"

ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลที่ได้เคยนำเสนอประวัติของ ร.อ.จิทัศ ศรสงคราม มาก่อนหน้านี้ แต่เพื่อเป็นการแสดงความดีของคนดีให้ปรากฏแม้ไม่มากก็น้อย

และเพื่อแทนคุณแสดงกตเวทิตาของเด็กน้อยบ้านนอกคนหนึ่ง คราวที่ไม่สบายพ่อแม่ไม่ค่อยมีเงิน เมื่อทราบว่าสมเด็จฯเจ้าฟ้ากรมหลวงมาโปรด จึงได้วิ่งไปเพื่อจะได้ยากินระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร และก็ได้ยาดังหมายแล้ววิ่งฝ่าสายฝนกลับโดยกำยาไว้แน่นในมือเมื่อถึงบ้านคลายมือออกก็เห็นว่ายาเปรียกน้ำหมดแล้ว ซึ่งจำไม่ได้ว่าได้กินยานั้นหรือไม่ รู้แต่ว่าไข้ได้หายแล้ว

จึงได้ประมวลมานำเสนออีกครั้ง

มหาเนชั่น

http://www.mhanation.net/

รายงาน
วันจันทร์ ที่ 17 พฤศจิกายน 2551

1 ความคิดเห็น:

Danu กล่าวว่า...

ขอบคุณที่นำข้อมูลมาแชร์กันน้าโดยเฉพาะเรื่องการ ตกแต่งภายใน